EDIM Test คืออะไร?
EDIM Test คืออะไร?
EDIM Test (Epitope Detection in Monocytes) เป็นการตรวจเลือดที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อตรวจจับเซลล์มะเร็งในระยะเริ่มต้นโดยอาศัยการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต์ ซึ่งสามารถช่วยระบุแนวโน้มการเกิดโรคมะเร็งได้ก่อนที่มะเร็งจะพัฒนาไปสู่ระยะที่ตรวจพบได้โดยการตรวจทั่วไป เช่น CT scan หรือ MRI
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงของมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถวางแผนแนวทางป้องกันหรือรักษาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
ทำไมต้องตรวจ EDIM Test?
การตรวจ EDIM Test มีความสำคัญเนื่องจาก:
ตรวจจับมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น – ทำให้สามารถรักษาได้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสในการหายขาดความแม่นยำสูงถึง 97.5%
ไม่ต้องใช้รังสี – เป็นเพียงการตรวจเลือด ทำให้ปลอดภัยและสามารถตรวจได้บ่อย
ช่วยประเมินความเสี่ยงมะเร็งได้หลายชนิด – รวมถึงมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งตับ
ใช้ติดตามผลการรักษา – สำหรับผู้ที่เคยเป็นมะเร็ง การตรวจ EDIM Test สามารถช่วยติดตามผลการรักษาและตรวจพบการกลับมาเป็นซ้ำของโรคได้
ควรตรวจ EDIM Test บ่อยแค่ไหน?
การวินิจฉัยภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้าสามารถทำได้ผ่านการตรวจทางห้องปฏิบัติการดังนี้:
การตรวจคอร์ติซอล (Cortisol Test) – ตรวจระดับคอร์ติซอลจากน้ำลายหรือเลือดในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน
ACTH Stimulation Test – ตรวจดูว่าต่อมหมวกไตสามารถตอบสนองต่อฮอร์โมนกระตุ้นจากต่อมใต้สมองได้ดีหรือไม่
DHEA-S (Dehydroepiandrosterone Sulfate) – ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระดับพลังงานและสมรรถภาพของร่างกาย
Electrolyte Panel – ตรวจระดับโซเดียมและโพแทสเซียม ซึ่งอาจเสียสมดุลในผู้ที่มีภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้า
Thyroid Function Test – ตรวจฮอร์โมนไทรอยด์ เพราะภาวะต่อมหมวกไตอ่อนล้ามักสัมพันธ์กับภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
Fasting Insulin และ Glucose Test – ตรวจระดับน้ำตาลและอินซูลินเพื่อตรวจสอบภาวะดื้อต่ออินซูลินที่อาจเกิดร่วมกัน
ต้องตรวจเเลปอะไรบ้าง?
ความถี่ในการตรวจ EDIM Test ขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงและคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปแนะนำให้:
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ (ไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งและไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง) ควรตรวจทุก 1-2 ปี
ผู้ที่มีความเสี่ยงปานกลาง (มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์) ควรตรวจทุก 6-12 เดือน
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง (เคยเป็นมะเร็งมาก่อน หรือมีประวัติพันธุกรรมเกี่ยวข้องโดยตรง) ควรตรวจตามคำแนะนำของแพทย์ อาจเป็นทุก 3-6 เดือน เพื่อวางแผนในการดูแลสุขภาพและวางแผนในการรักษา
ใครบ้างที่ควรตรวจ EDIM Test?
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี และต้องการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน
ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้
ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ หรือมีภาวะอ้วน
ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งมาก่อน และต้องการติดตามผลการรักษาหรือป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ผู้ที่มีอาการผิดปกติ เช่น น้ำหนักลดผิดปกติ อ่อนเพลียเรื้อรัง หรือมีก้อนเนื้อผิดปกติในร่างกาย
ผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพแบบเชิงลึกเพื่อประเมินความเสี่ยงมะเร็ง
EDIM Test เป็นการตรวจเลือดที่สามารถช่วยตรวจจับมะเร็งในระยะเริ่มต้นและติดตามผลการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรเข้ารับการตรวจตามความเสี่ยงของแต่ละบุคคล และปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม หากคุณมีปัจจัยเสี่ยงหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ การตรวจ EDIM Test อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยป้องกันและดูแลสุขภาพของคุณในระยะยาว